คุณเคยรู้สึกแบบนี้บ้างไหมเมื่ออยู่ในที่ทำงาน

• เพื่อนคุยกับเจ้านายโดยตรง
• หัวข้อในการนำเสนอไม่เหมือนที่เตรียม present
• คุณดูไร้ตัวตนและดูเหมือนไม่ได้มีส่วนร่วมกับงานนี้เลย

Adam Gallinsky ศาสตราจารย์จาก Columbia Business School ได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า “มีทั้งเหตุผลในทางปฏิบัติและทางจิตวิทยาที่เพื่อนร่วมงานอาจพยายามอยู่เหนือคุณ ต้องพิจารณาเองว่า เมื่อใดควรร่วมมือ เมื่อใดควรแข่งขันและ ทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จ”“คุณอาจต้องทำตัวเป็นนางเอกในละครทีวีข่มใจเอาไว้ เพื่อไม่ให้เกิดความรำคาญหรือความเครียด เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้”

1. ตัดความรู้สึกฝึกมุ่งเน้นข้อเท็จจริง

อย่ามองโลกในแง่ร้าย คิดเพียงแค่ว่าเพื่อนร่วมงานจะมาทำร้ายคุณ เพราะบางทีคุณอาจเข้าใจสถานการณ์ผิด ขอให้เลือกมองเฉพาะข้อเท็จจริงและหลีกเลี่ยงการตัดสินอย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น แทนที่จะคิดว่าเขาไม่สนใจคุณเลย ก็บอกตัวเองว่า เขานำเสนอความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี จากนั้นเมื่อมีช่องว่างให้คุณลองยกตัวอย่างอธิบายสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยหาสถานการณ์ที่แตกต่างกันเพื่อขยายความคิดริเริ่ม หรือหากคุณมีมุมมองที่แตกต่าง คุณก็สามารถที่จะหาเหตุผล มุมมองมาหักล้างได้

2. สอบถามเพื่อความกระจ่าง

หากคุณไม่ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดของสถานการณ์ คุณอาจเข้าไปหาเจ้านายของคุณและตั้งคำถามอย่างเป็นกลางเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งสำคัญในระหว่างการสอบถาม คุณจะต้องควบคุมกิริยา, น้ำเสียง, ท่าทาง, สีหน้า ให้ดูสบายๆ และไม่กล่าวหาเพื่อนร่วมงานของคุณ เพราะหากคุณแสดงออกมาด้วยอารมณ์ อาจทำให้เจ้านายคิดว่า คุณกำลังพยายามสร้างความบาดหมางในที่ทำงาน

3. เข้าหาเพื่อนร่วมงาน

หาโอกาสคุยและซักถามกับเพื่อนร่วมงานโดยตรง ซึ่งควรอยู่ในห้องส่วนตัว และเปิดใจคุยกัน โดยมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายสูงสุดของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการคืนความไว้วางใจ หรือเพื่อปกป้องอำนาจของคุณ แต่ในทางกลับกันคุณก็ควรเตรียมพร้อมที่จะรับฟังสิ่งที่เพื่อนร่วมงานพูดเกี่ยวกับสถานการณ์และเหตุผลในสิ่งที่เขาทำ

4. พูดชัดถ้อยชัดคำและน่าฟัง

พูดในสิ่งที่คุณรู้อย่างเรียบง่าย ไม่ต้องสร้างภาพให้ดูดี ขอให้ยึดติดกับข้อเท็จจริงและหลีกเลี่ยงการคาดเดาเจตนาของพวกเขา อธิบายว่าทำไมคุณถึงผิดหวัง หลีกเลี่ยงคำพูดที่สื่อถึงอารมณ์ของคุณ เช่น “โกรธ” เพราะอาจทำให้เพื่อนร่วมงานของคุณรู้สึกเป็นฝ่ายตั้งรับ คุณอาจจะพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่า คุณคุยกับเจ้านายเกี่ยวกับความคิดริเริ่มของคุณหลังจากที่เราคุยกัน ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกกังวลเล็กน้อยว่าเราสื่อสารกันไม่ดี” เมื่อคุณพูดจบแล้วก็จงรอและตั้งใจฟังมุมมองของเพื่อนร่วมงานอย่างเปิดใจ

5. จับมือแก้ไขปัญหาร่วมกัน

เมื่อคุณได้มีโอกาสแบ่งมุมมองของคุณกับเพื่อนร่วมงานแล้ว ให้ตัดสินใจร่วมกันว่าจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร ซึ่งไม่ควรพูดในเชิงออกคำสั่ง แต่ควรถามความคิดเห็นของเขาก่อน จากนั้นจึงเสนอแนะความคิดเห็น โดยอาจใช้คำพูดว่า “คุณคิดว่าวิธีใดเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับปัญหานี้” ซึ่งคุณอาจจะเข้าไปหาหัวหน้าพร้อมกัน พร้อมชี้แจงว่าคุณและเพื่อนร่วมงานพร้อมที่จะทำงานร่วมกัน ยอมรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน และคุณอาจต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองด้วย

6. กำหนดกฎการสื่อสาร 

ในข้อนี้ คุณควรกำหนดกฎเกณฑ์ในการสื่อสารออกมาให้ชัดเจนว่าหากมีสถานการณ์เช่นนี้อีก ตามหลักการเพื่อนร่วมงานควรเข้ามาหาคุณโดยตรง แต่หากเพื่อนร่วมงานยังลังเลจะยอมรับกฎเกณฑ์ข้อนี้ คุณอาจจะแสดงให้เธอเห็นว่าสิ่งที่เขาพยายามจะทำอยู่มันไม่ได้ผล เพราะในการทำงานคุณมีการรายงานปัญหาระหว่างการทำงานโดยตรงต่อหัวหน้าตลอด แต่คำพูดที่ใช้ไม่ควรเป็นในลักษณะคุกคาม เพียงแค่ให้ความรู้แก่เพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับเส้นทางการสื่อสารที่เหมาะสมเท่านั้น

7. สมานความสัมพันธ์ของคุณกับเจ้านาย

ปัญหาการข้ามลำดับสายการบังคับบัญชาอาจทำให้เจ้านายรู้สึกรำคาญใจ หรือทำให้เกิดความลังเลสงสัยในความสามารถของคุณ ดังนั้น เมื่อคุณจัดการกับเพื่อนร่วมงานได้แล้ว อย่าลืมกลับมานั่งคุยกับผู้จัดการของคุณ เพื่อพูดคุยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่ามีสาเหตุมาจากอะไร และจะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์เช่นนี้ได้อีกอย่างไรในอนาคต ในขณะเดียวกัน ลองพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่คุณรู้และความรู้สึกมุมมองที่คุณมีต่อเหตุการณ์นี้ เช่น คุณอาจพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่าเพื่อนร่วมงานของฉันพูดคุยกับคุณเกี่ยวกับความคิดริเริ่มของเขาและนั่นทำให้ฉันกังวลว่าฉันอาจจะพลาดในสิ่งที่ควรรับรู้ ไม่ทราบว่าฉันถามได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” และเมื่อคุณได้รับฟังเรื่องราวจากเจ้านายแล้ว คุณอาจถามว่า “เราจะทำอะไรให้มันแตกต่างออกไปได้บ้างเมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ถ้าเพื่อนร่วมงานของฉันมาหาคุณอีกครั้ง ขอให้คุณช่วยผลักดันเขามาหาฉัน เพื่อที่เราจะได้จัดการปัญหาโดยไม่ต้องให้คุณเสียเวลาหรือรำคาญใจกับเรื่องนี้ได้ไหม” จำไว้ว่า เป้าหมายของคุณคือการกู้ความน่าเชื่อถือ ชื่อเสียงของคุณกลับคืนมา และอีกประการหนึ่งคือการสร้างกฎพื้นฐานสำหรับการสื่อสารขึ้นมาใหม่ ดังนั้น คุณต้องสื่อสารอย่างชาญฉลาดและควบคุมได้

การปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาถือเป็นเรื่องของการบริหาร โดยผู้นำควรยึดถือกฎเกณฑ์และใช้จิตวิทยาควบคู่กันไป ซึ่งอาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า“จงทำการเปิดใจและยินดีรับฟังเรื่องราวของเพื่อนร่วมงานของคุณ หลีกเลี่ยงการแสดงออกทางด้านอารมณ์ที่มีการคุกคามและคำพูดที่รุนแรง และควรพูดคุยกับหัวหน้าของคุณ เพื่อแน่ใจว่าชื่อเสียงของคุณจะไม่เสียหาย และคุณยังคงรักษาพื้นที่และความไว้วางใจจากหัวหน้าของคุณอยู่เช่นเดิม”