TIPS : เครื่องมือในการขับเคลื่อนสู่เศรษฐกิจยุคดิจิทัล
ในยุคปัจจุบันนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ที่จะยอมรับว่าโลกเราในยุคศตวรรษที่ 21 เป็นยุคของโลกดิจิทัลจริงๆ เรามักจะได้ยินคำว่า “Digital Economy” กันมากขึ้น ซึ่งขณะนี้เกิดความร่วมมือกันทั้งภาครัฐและเอกชนที่จะขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจและสังคมเดินไปข้างหน้าสู่ยุคดิจิทัลให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ
แต่ในความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนั้นก็มีทั้งเรื่องดีและไม่ดี ดังจะเห็นได้จากการระบาดของโคโรน่าไวรัสเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกต้องหยุดชะงัก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากปัจจัยต่างๆ อาจยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่มากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ว่าวัฏจักรการเปลี่ยนแปลงของโลกจะเป็นไปในทิศทางใด หากเราเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและเตรียมตัวรับเทรนด์การเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจยุคดิจิทัลอยู่ตลอดเวลาก็คงเป็นเรื่องดีไม่น้อย วันนี้เราลองมาทำความรู้จักกับเครื่องมือขับเคลื่อนองค์ความรู้ของ Dr.Deltlef Reis ผู้ก่อตั้ง Thinkergy จากเยอรมัน เพื่อเตรียมรับมือกับช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงและการเข้าสู่เศรษฐกิจยุคดิจิทัลแบบเต็มรูบแบบกันค่ะ
“โดยหน้าที่สำคัญของเครื่องมือนี้ คือ การจัดการบริหารทุนมนุษย์ ความคิดสร้างสรรค์และความสามารถทางดิจิทัล ค้นหาจุดเด่นและศักยภาพของคนให้เหมาะกับงาน อีกทั้งยังส่งเสริมความสามารถเพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้มีประสิทธิภาพและไปต่อได้ในอนาคต”
ลองมาดูว่าหัวใจ 4 ห้องของเครื่องมือ TIPS มีอะไรบ้าง
T ==> Theories กลุ่มนักทฤษฎี
I ==> Ideas กลุ่มนักคิดสร้างสรรค์
P ==> People กลุ่มนักบริหารคน
S ==> Systems กลุ่มนักวางระบบกฎเกณฑ์
Dr.Reis กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการบริหารขององค์กรในยุคดิจิทัล คือ “การจัดการบริหารทุนมนุษย์” ซึ่งคุณสมบัติของผู้ที่เหมาะกับการทำงานในองค์กรดิจิทัล คือ คนที่คล่องแคล่วว่องไวพร้อมปรับตัว และเปลี่ยนแปลง มีความคิดแตกต่างอย่างริเริ่มสร้างสรรค์ และมีความสามารถทางดิจิทัล เพื่อนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่ทั้งนี้บุคลิกภาพภายนอกเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ แต่ละองค์กรต้องพิจารณารูปแบบการคิดของแต่ละบุคคล แล้วจึงจำแนกแยกแยะว่า บุคคลนั้นมีคุณสมบัติใดที่เหมาะกับองค์กร และคุณสมบัติที่โดดเด่นในด้านใดของเขาที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด หากผู้บริหารสามารถพิจารณาเช่นนี้ได้ก็จะสามารถคัดสรรคนได้เหมาะกับงานที่มีอยู่ในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง
ในความเป็นจริงแล้ว หากผู้บริหารองค์กรสามารถมองเห็นและมอบหมายงานให้กับพนักงานได้อย่างเหมาะสม ค้นหาจุดเด่นความถนัดในเรื่องที่แตกต่างกัน และสนับสนุนให้เขาทำงานในตำแหน่งที่ช่วยส่งเสิรมความสามารถของพวกเขา ก็จะช่วยให้เกิดสมดุลของการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากขึ้นได้
“จงจำไว้ว่า การค้นหาจุดด้อยของพนักงาน เพื่อพยายามพัฒนาและปรับปรุงศักยภาพในการทำงานของพนักงาน ไม่สำคัญเท่ากับการหาจุดเด่นและส่งเสริมจุดเด่นของพนักงานเหล่านั้น”
สรุปหลักพื้นฐานในการทำงานของ TIPS
1. แบ่งบุคคลเป็น 4 ประเภท คือ มีหลักพื้นฐานในการทำงานโดยเน้นทฤษฎี, แนวคิด, ผู้คน และระบบ
2. วิเคราะห์รูปแบบการทำงานเป็น 4 ประเภท คือ การคิดโดยอ้างอิงตัวเลขหรือจินตนาการ, การลงมือทำงานโดยใช้สมองหรือใช้กำลัง, การปฏิสัมพันธ์โดยใช้ความรู้สึกหรือใช้ข้อเท็จจริง และการใช้ชีวิตอย่างมีกรอบรูปแบบหรืออย่างยืดหยุ่น
ซึ่งผลการทดสอบทั้งหมดจะสามารถระบุได้ว่าแต่ละบุคคลในทีมมีหลักพื้นฐานในการทำงานและรูปแบบการทำงานอย่างไร จนท้ายที่สุดนำมาสู่การแบ่งประเภทของคนทำงานในองค์กรเป็น 11 ประเภท คือ
1) นักทฤษฎี Theorist
2) นักให้แนวคิด Ideator
3) พันธมิตรทางธุรกิจ Partner
4) นักพัฒนาระบบ Systematizer
5) นักพัฒนาแนวคิด Conceptualizer
6) ผู้สนับสนุน Promoter
7) ผู้จัดงาน Organizer
8) นักควบคุมเทคโนโลยี Technocrat
9) โค้ช Coach
10) นักทดลองค้นคว้า Experimenter
11) ผู้ถนัดรอบด้าน All-rounder
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยกล่าวว่า “ทุกคน คือ อัจจริยะ ปลาเป็นสัตว์ที่ว่ายน้ำเก่งมาก แต่ถ้าเราตัดสินความสามารถของปลาโดยการปีนต้นไม้ หรือตัดสินความคล่องแคล่วปราดเปรียวของลิงด้วยการให้ไปว่ายน้ำแข่งกับปลา พวกมันคงตายไปพร้อมกับความเชื่อที่ว่าตัวมันเองไม่มีอะไรดีสักอย่าง”
อย่างไรก็ตาม การจัดกลุ่มคนให้ทำงานที่เหมาะสมกับความถนัดของตนเองมากที่สุด ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากพอๆ กับการให้ความสำคัญทุกคนในองค์กรเท่าๆ กัน เพราะการทำธุรกิจไม่สามารถเดินไปถึงจุดหมายได้เพียงคนเดียว แต่มันเกิดขึ้นจากการทำงานเป็นทีมด้วยต่างหาก