5 ขั้นตอนสร้างความอุ่นใจก่อนถึงวัยเกษียณ
คุณเคยลองคำนวณเล่นๆ กันหรือไม่ว่า ควรเก็บออมเดือนละเท่าไรจึงจะอุ่นใจเมื่อถึงวัยเกษียณ ? ยิ่งในยุคเศรษฐกิจถดถอยจากการระบาดของเชื้อโคโรน่าแบบนี้ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกหยุดชะงัก ดังนั้น ควรมีการเตรียมพร้อมวางแผนสู่วัยเกษียณตั้งแต่เนิ่นๆ โดยแต่ละองค์กร สามารถวางพื้นฐานให้พนักงานพร้อมสำหรับวัยเกษียณได้ ดังนี้
1. จัดรูปแบบการสื่อสารที่เหมาะสม
เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากสำหรับฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ที่จะเตรียมเนื้อหาที่เหมาะสม เพื่อสื่อสารกับพนักงานทุกวัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้น การปรับแต่งข้อความที่เผยแพร่จึงมีความสำคัญในการดำเนินการ ซึ่งข้อความที่ดีควรมีองค์ประกอบเหล่านี้อยู่ด้วย
- ภาษาเข้าใจง่าย หลีกเลี่ยงการใช้ศัพท์เฉพาะมากเกินไปเพราะยากแก่การเข้าใจ
- ส่งสารอย่างสม่ำเสมอแต่ไม่เวิ่นเว้อเกินความจำเป็น
- เริ่มให้เร็ว อย่ารอจนถึงเวลาใกล้วัยเกษียณ เพราะมันอาจจะสายเกินไปสำหรับคนวัย Gen B ก็เป็นได้
- มีการวัดผลในการสื่อสาร เพื่อให้องค์กรกำหนดประสิทธิผลได้
ก่อนอื่นต้อง สำรวจ => ศึกษา= > เพื่อกำหนดความต้องการของพนักงานว่าอยากรับรู้ข้อมูลทางด้านการเตรียมพร้อมก่อนวัยเกษียณอย่างไร ซึ่งคุณต้องเข้าใจบุคลิกลักษณะของพนักงานแต่ละ Gen ว่าเป็นอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น Gen B เป็นคนรุ่นเก่า ชอบข้อมูลที่หนักแน่นและน่าเชื่อถือ, Gen X เป็นคนคิดอย่างมีหลักการและเหตุผล จึงต้องการข้อมูลหลักสำคัญ เพื่อวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ส่วน Gen Y เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่ชอบอ่านข้อมูลจำนวนมาก แต่ชอบการดูรูปภาพเชิงกราฟ หรือตารางที่เข้าใจได้ทันที เมื่อสามารถจัดสรรข้อมูลอย่างเหมาะสมกับทุกวัยทำงานแล้ว คุณสามารถเผยแพร่ผ่านช่องทาง email, newsletter, VDO, งบส่วนบุคคล และ application บนมือถือ เพื่อความสะดวกและตอบโจทย์ lifestyle ของทุกวัย
2. ศึกษาสุขภาพการเงินพนักงาน
คุณควรทราบว่าพนักงานของคุณมีสุขภาพทางการเงินอย่างไร มีความเข้าใจและเห็นความสำคัญของการวางแผนทางการเงิน เพื่อเตรียมเกษียณอายุงานอย่างไร
โดยส่วนใหญ่แล้ว พบว่าพนักงานส่วนใหญ่ขาดความเข้าใจเกี่ยวกับการวางแผนงานเกษียณอายุ ไม่มีการออมเพื่อการเกษียณ, พนักงานบางส่วนมีเงินเก็บออมเพื่อวัยเกษียณน้อยกว่าความต้องการใช้ และบางส่วนเมื่อใกล้ถึงวัยเกษียณแล้วไม่สามารถเกษียณได้
3. เตรียมระบบอัตโนมัติ
คนทั่วไปมักมองว่า เรื่องการวางแผนเกษียณอายุเป็นเรื่องไกลตัวเลย จึงไม่คิดเตรียมการไว้ล่วงหน้า เอาไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยคิดก็ได้ บางคนได้มากใช้มาก ได้น้อยยังใช้มากอีก จึงไม่เหลือเงินออมไว้ใช้ยามเกษียณ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่คุณอาจเสนอระบบอัตโนมัติเพื่อช่วยเหลือพนักงานของคุณ เช่น
• การลงทะเบียนอัตโนมัติ
• หากองทุนที่มีเป้าหมายของการลงทุนที่ชัดเจน
วิธีเหล่านี้ จะช่วยให้พนักงานของคุณประหยัดได้ในปริมาณที่เหมาะสมและถูกวิธี แม้ว่าพวกเขาไม่ได้เลือกที่จะทำก็ตาม อย่างไรก็ตาม ระบบอัตโนมัติไม่ใช่วิธีการออมที่เหมาะสมกับทุกคน อาจมีช่องทางออมอื่นอีก และด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นเหตุผลที่พนักงานต้องการการศึกษา เพื่อช่วยในการพิจารณาว่า พวกเขาควรประหยัดเงินในปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการในปัจจุบันและพอดีกับสุขภาพทางการเงินของพวกเขาหรือไม่
4. องค์กรช่วยออมพร้อมกับพนักงาน
แน่นอนว่ายุคเศรษฐกิจถดถอยในตอนนี้ คงเหลือองค์กรเพียงส่วนน้อยที่จะมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไว้ให้พนักงาน แต่หากองค์กรของคุณทำได้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะช่วยให้พนักงานของคุณมีความพร้อมและอุ่นใจในวัยเกษียณ ซึ่งคุณอาจทำการกำหนดเป้าหมายไปที่พนักงานและเสนอโอกาสในการออมเพื่อการเกษียณอายุ ซึ่งสามารถทำได้โดยการขยายอายุเกษียณของพนักงาน หรืออาจจะให้ส่วนแบ่งเงินปันผลให้กับพนักงานก็ได้
5. หารายได้หลังเกษียณ (passive income)
เมื่อพนักงานของคุณใกล้เกษียณอายุมากขึ้น พวกเขาจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีเปลี่ยนเงินออม เพื่อการเกษียณเป็นรายได้ passive income คุณอาจช่วยได้โดยเสนอสิ่งต่างๆ เช่น เงินรายปีตลอดชีพหรือสัญญาเงินรายปีอายุยืน เนื่องจากแผนการนี้จะช่วยให้พนักงานเห็นแนวทางการใช้จ่ายต่างๆ ที่จะช่วยให้พนักงานมองเห็นภาพเม็ดเงินที่เกิดจาก passive income นั้นได้
แม้ว่าจะไม่มีวิธีใดที่จะทำให้องค์กรมั่นใจได้ว่า พนักงานทุกคนพร้อมสำหรับการเกษียณอายุ แต่การปฏิบัติตาม 5 หัวข้อเหล่านี้ จะช่วยให้คนส่วนใหญ่มีความพร้อมและอุ่นใจมากขึ้น สำหรับการเกษียณอายุงานที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้พนักงานจะมีความสุขมากขึ้น มีความภักดีต่อองค์กรและทำงานมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้นด้วย เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องการเงินและการเกษียณอายุ
“อย่าลืม เรื่องเกษียณอายุพนักงานไม่ใช่เรื่องของพนักงานที่ต้องเตรียมพร้อมแต่ฝ่ายเดียว หากแต่เป็นเรื่องขององค์กรที่จะช่วยพนักงานวางแผนการเกษียณอายุด้วย เพื่อที่จะออกเดินทางและถึงจุดหมายร่วมกัน”