เช็คอาการ “โรคซึมเศร้า” โรคยอดฮิตที่พรากชีวิตคนยุคปัจจุบัน
โศกนาฏกรรมซ้ำซากที่เรามักพบในข่าวมาปีแล้วปีเล่าของภาวะซึมเศร้าที่พรากชีวิตคนดัง เด็กนักเรียน นักศึกษา คนแก่ คนวัยทำงาน เรียกได้ว่ามันไม่เลือกวัยหรืออายุ โรคนี้มักแทรกซึมเข้าไปในสภาวะจิตใจของคนเราอย่างไม่รู้ตัว เราหรือคนรอบข้าง คนรู้จักก็อาจตกอยู่ในสภาวะนั้นก็อาจเป็นได้ ด้วยสาเหตุหลักๆ ในเรื่องการสูญเสีย ความผิดหวัง เผชิญกับสถานการณ์เลวร้าย ความเครียด การเลี้ยงดู ถือเป็นสาเหตุหลักๆ ที่กระตุ้นให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ ลองมาเช็คอาการกันดีกว่า ว่ามีความเสี่ยงเข้าสู่สภาวะของโรคซึมเศร้ากันหรือไม่
อาการของโรคซึมเศร้า
• มีความรู้สึกเศร้าใจ หม่นหมอง หงุดหงิด หรือรู้สึกกังวลใจ ไม่สบายใจ
• ขาดความสนใจต่อสิ่งแวดล้อมรอบข้าง หรือสิ่งที่เคยให้ความสนุกสนานในอดีต
• เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง หรือเพิ่มขึ้น ความอยากอาหารเปลี่ยนแปลงไป
• นอนไม่หลับ หรือนอนมากเกินกว่าปกติ
• คนที่เป็นโรคซึมเศร้า จะรู้สึกผิด สิ้นหวัง หรือรู้สึกว่าตนเองไร้ค่า
• ไม่มีสมาธิ ไม่สามารถตัดสินใจเองได้ ความจำแย่ลง
• อ่อนเพลีย เมื่อยล้า ไม่มีเรี่ยวแรง
• กระวนกระวาย ไม่อยากทำกิจกรรมใดๆ
• คิดถึงแต่ความตาย และอยากที่จะฆ่าตัวตาย
หากคุณมีอาการดังที่กล่าวมานี้ เป็นเวลานานกว่า 2 อาทิตย์ คุณอาจกำลังเสี่ยงกับการตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าได้ ยิ่งมีประวัติทางเครือญาติป่วยเป็นโรคนี้ ควรเข้ารับการรักษาจากแพทย์โดยเร็ว เพื่อให้แพทย์ทำการรักษาเยี่ยวยาจิตใจให้แข็งแรง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในคนที่เป็นโรคซึมเศร้า อาจเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปในแต่ละเดือน จิตใจ ความคิดจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป รู้สึกเบื่อคน เบื่องาน เบื่อโลก คิดแต่ว่าตนเองเป็นภาระคนอื่น ขาดความมั่นใจตนเอง ซึ่งคนรอบข้างมักไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเปลี่ยนไป และเมื่ออารมณ์ของความหมดหวังมากขึ้น หากเกิดเหตุการณ์มากระทบกระเทือนจิตใจช่วงนี้อาจเกิดเหตุการณ์ทำร้ายตัวเองจนถึงขั้นคิดฆ่าตัวตายได้
การรักษาโรคซึมเศร้า
โรคซึมเศร้าสามารถรักษาให้หายได้ สิ่งสำคัญต้องปฏิบัติตามแพทย์สั่ง รับประทานยาให้ครบ และเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตให้ความร่วมมือกับนักจิตบำบัด เพื่อการรักษาจะทำให้อาการค่อยๆ ทุเลาลงได้
1. เยียวยาจิตใจ
เป็นการรักษาโดยใช้จิตวิทยาเข้ามารักษา โดยการ “พูดคุย” กับจิตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเข้าใจปมของปัญหา แลกเปลี่ยนมุมมองกับแพทย์ ปรับความคิดและพฤติกรรม และหากมีการกำเริบซ้ำๆ จะต้องรักษาด้วยการใช้ยารักษาทางจิตใจควบคู่กันไปด้วย
2. รักษาด้วยการใช้ยา
แพทย์จะเป็นผู้ประเมินการรักษา เพื่อประเมินว่าผู้ป่วยถูกกับยาขนิดใด โดยค่อยๆ ปรับยาให้เหมาะกับอาการ โดยยารักษาโรคซึมเศร้า ไม่ใช่เป็นเพียงยาที่ทำให้ง่วงนอน มักเป็นความเข้าใจผิด ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักหยุดกินยาเร็วกว่าที่ควรเป็น ควรกินยาอย่างต่อเนื่องจนแพทย์บอกให้หยุดยาได้ แพทย์จะค่อยๆปรับตัวยา ลดขนาดลง เพื่อให้ร่างกายปรับตัวจนร่างกายเข้าสู่สภาวะปกติได้
นอกจากนี้คนรอบข้างเป็นสิ่งสำคัญในการเยียวยารักษาโรคซึมเศร้า อย่าคิดว่าพวกเขาเป็นคนอ่อนแอ คิดมากเกิดไป หรือไม่สู้ปัญหา หากพวกเขาได้รับการรักษาดูแลที่เหมาะสมจะกลับมาเป็นคนอารมณ์มั่นคง พร้อมทำกิจวัตรต่างๆ ได้เหมือนเดิม