Latest HR Knowledge

รู้เรื่องวัคซีน COVID 19

รู้เรื่องวัคซีน COVID-19 ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากเชื้อไวรัส โควิด 19 ในระลอก 3 กำลังระบาด!! พุ่งไม่หยุด ทำให้พบผู้ติดเชื้อกระจายไปทั่วประเทศไทย ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีวัคซีนให้กับบุคลากรการแพทย์และประชาชน แต่ยังไม่เพียงพอ ยังส่งผลให้เกิดความกังวลใจไม่เว้นแต่ละวัน โดยวัคซีน 19 ที่ถูกนำมาใช้ลดความรุนแรงในการรับเชื้อโควิด 19 นั้นได้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ชนิด ดังนี้ 

1.ชนิดสารพันธุกรรม (mRNA vaccines)

เป็นเทคโนโลยีใหม่ ใช้กับการพัฒนาวัคซีนป้องกันอีโบล่า ซึ่งผลิตขึ้นจากการใช้สารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสซาร์ส-โควี-2 (SARS-CoV-2) ซึ่งเมื่อฉีดเข้าไปในร่างกาย mRNA จะเข้าไปกำกับการสร้างโปรตีนส่วนหนาม (spike protein) ของไวรัสชนิดนี้ แล้วทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตัวนี้ออกมา ปัจจุบันมีสองเจ้าที่ใช้เทคโนโลยีนี้ คือ BioNTech/Pfizer และ Moderna

2. ชนิดใช้ไวรัสเป็นพาหะ (Viral vector vaccines) 

ใช้ไวรัสทำให้อ่อนฤทธิ์ ไม่ทำให้เราป่วย ไม่สามารถแบ่งตัวได้อีก ตัดแต่งพันธุกรรมเพื่อใช้เป็นพาหะ โดยฝากสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสซาร์ส-โควี-2 (SARS-CoV-2) เข้าไป ทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสขึ้นมา วัคซีนประเภทนี้สามารถกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี เนื่องจากเลียนแบบให้ใกล้เคียงกับการติดเชื้อตามธรรมชาติ ปัจจุบัน คือ วัคซีนของ Johnson & Johnson และ Oxford – AstraZeneca รวมถึงวัคซีน Sputnik V ก็ใช้เทคนิคนี้

3.โปรตีนส่วนหนึ่งของเชื้อ (Protein-based vaccines)

ใช้โปรตีนบางส่วนของเชื้อไวรัสซาร์ส-โควี-2 (SARS-CoV-2) เช่น โปรตีนส่วนหนาม (spike protein) แล้วนำมาผสมกับสารกระตุ้นภูมิ เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสขึ้นมา เทคนิคนี้ใช้กันมานานแล้ว เพราะเป็นเทคนิคที่ใช้ผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และวัคซีนตับอักเสบชนิดบี บริษัทผลิตวัคซีนที่ใช้เทคนิคดังกล่าว เช่น Novavax

4.ชนิดเชื้อตาย (Inactivated vaccines) 

ผลิตจากไวรัสซาร์ส-โควี-2 (SARS-CoV-2) ที่ถูกทำให้ตายแล้วด้วยสารเคมีหรือความร้อน เมื่อฉีดเข้าไปในร่างกาย จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัส เป็นเทคนิคที่เคยใช้กับการผลิตวัคซีนตับอักเสบเอ หรือวัคซีนโปลิโอ (ชนิดฉีด) มาแล้ว แต่เพราะต้องทำในห้องปฏิบัติการนิรภัยระดับ 3 ทำให้ผลิตได้ช้า และมีต้นทุนการผลิตที่สูง สำหรับวัคซีนที่ใช้เทคนิคดังกล่าว ได้แก่ Sinovac และ Sinopharm

ปัจจุบันจึงได้มีการนำเข้าวัคซีนโควิด 19 เข้ามาฉีดให้คนในประเทศ แม้จะไม่สามารถป้องกันได้ 100% ฉีดแล้วยังมีโอกาสรับเชื้อได้อยู่ แต่ข้อดีคือ ลดความรุนแรงและลดโอกาสการเสียชีวิตได้ โดยวัคซีนชุดแรกที่นำมาฉีดให้กับประชาชน ในกลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปและกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 7 โรคเรื้อรัง ได้มีสิทธิ์เริ่มฉีดในล๊อตแรกวันที่ 7 มิถุนายนนี้ ผู้รับการฉีดวัคซีนควรเตรียมตัวให้ดีๆ ก่อนฉีดวัคซีนโดยข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข แนะนำก่อนฉีดวัคซีนไว้ดังนี้

1. ก่อนฉีดสองวันแรกให้งดออกกำลังกาย ให้นอนพักผ่อนให้เพียงพอ

2. ในวันที่ฉีดวัคซีนควรดื่มน้ำอย่างน้อย 500-1000 ซีซี หรือ 3-5 แก้ว และควรงดชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

3. ผู้ป่วยจิตเวช ไม่ควรลดยา เพิ่มยา หรือปรับยาก่อนการฉีดวัคซีนโควิด 19 เพราะอาจเกิดอาการข้างเคียงหรือถอนยาได้ ควรรับประทานยาอย่างต่อเนื่องดูแลสุขภาพจิตให้ดีๆ หากเกิดความวิตกกังวลควรปรึกษาแพทย์

4. เลือกฉีดแขนที่ไม่ถนัด และอย่าเกร็งยกของหนัก อย่าบีบนวดบริเวณที่ฉีดวัคซีน

5. หลังฉีดควรสังเกตอาการในบริเวณสถานที่ฉีดอีก 30 นาที

6. ถ้ามีไข้ ปวดเมื่อยจนทนไม่ไหว สามารถกินยาพาราเซตามอลได้ ครั้งละหนึ่งเม็ด ห้ามกินยาจำพวก Brufen, Arcoxia, Celebrex เด็ดขาด

7. กรณีรับประทานยาละลายลิ่มเลือดอยู่ ก็ให้รับประทานยาได้ตามปกติ แต่เมื่อฉีดวัคซีนแล้วให้กดนิ่งตรงตำแหน่งที่ฉีดต่ออีก 1 นาที

สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 แล้วควรเว้นระยะห่างในการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ อย่างน้อย 1 เดือน หรือถ้าตรวจสอบคิวนัดหมายที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ต้องรอนานมากกว่า 1 เดือน สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ก่อนได้เลย ส่วนกรณีที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มที่ 1 ไปแล้ว จะฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 อีกเมื่อไรนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีน 19 ที่ฉีด

วัคซีนซิโนเวท (Sinovac) ให้ฉีดให้ครบ 2 เข็มก่อน จากนั้นเว้นระยะ 1 เดือน แล้วจึงเข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลต่อไป

หากเป็นวัคซีนแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) จะมีอยู่สองทางเลือก ตามความสะดวก

ต้องการรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่คั่นระหว่างกลางก็ได้ แต่ต้องเว้นระยะ 1 เดือนหลังฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มที่ 1

ต้องการฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้ครบ 2 เข็มก่อน แล้วค่อยฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ต้องเว้นระยะ 1 เดือน หลังฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มที่ 2

ส่วนฉีดวัคซีน 19 เข็มที่ 1 กับเข็มที่ 2 คนละยี่ห้อได้หรือไม่นั่น คำตอบ คือ สามารถฉีดได้ แต่ไม่แนะนำ ยกเว้นแต่ว่าแพทย์จะแนะนำให้เปลี่ยนยี่ห้อในการฉีด อย่างไรก็ดี ในกลุ่มที่มีโรคประจำตัวหรือไม่เคยตรวจสุขภาพเลย แนะนำให้ตรวจสุขภาพก่อน แม้จะอายุยังน้อย เพราะโรคแฝงอาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อรุนแรงภายหลังได้ ทางที่ดีควรตรวจสุขภาพ จะได้วางแผนรักษา และป้องกันห่างไกลจากโควิด 19 เพื่อเตรียมตัวให้แข็งแรง พร้อมสำหรับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ในวันที่นัดหมาย

อย่างไรก็ตามเราทุกคนควรเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 เพื่อให้ร่างกายกระตุ้นสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาจัดการกับเชื้อไวรัสที่เรามีโอกาสจะติดเชื้อได้ในอนาคต เมื่อเรามีภูมิคุ้มกันจากวัคซีนแล้ว จะช่วยลดโอกาสติดเชื้อ หรือถ้าหากเกิดการติดเชื้อ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงจนนำไปสู่การเสียชีวิตได้นั่นเอง สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่ “หมอพร้อม” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเปิดบริการให้ประชาชนคนไทยลงทะเบียนเพื่อจองคิวเข้ารับการฉีดวัคซีน ป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และในแต่ละจังหวัดยังมีการเปิดแพลตฟอร์มให้ประชาชนในพื้นที่ได้ลงทะเบียนฉีดวัคซีนกัน อย่างเช่น กทม.สามารถเข้าไปลงทะเบียนได้ที่ www.ไทยร่วมใจ.com จังหวัดชลบุรี เปิดลงทะเบียนผ่าน Google Form ช่องทางการลงทะเบียนสามารถตรวจสอบได้ที่ลิงก์ https://bit.ly/3wIGDiB โดยจะมีการแบ่งเป็นอำเภอ จังหวัดสมุทรปราการลงทะเบียนผ่าน www.spko.moph.go.th หรือ https://bit.ly/3vxwghw แบ่งออกเป็นกลุ่มบุคคลเป้าหมาย ของจังหวัดภูเก็ต ลงทะเบียนเข้ารับการฉีดวัคซีนผ่าน www.ภูเก็ตต้องชนะ.com และจังหวัดนนทบุรี เปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีนสนามนอกโรงพยาบาลผ่าน “นนท์พร้อม” ที่ลิงก์ https://bit.ly/3c7CQ6R สำหรับประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป รวมถึงคนที่ลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อมไม่ได้ ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อม ให้รอคิวการฉีดวัคซีนตามที่ระบบแจ้ง และโรงพยาบาลนัดหมาย ซึ่งข้อมูลข้างต้นอาจเปลี่ยนแปลงไปตามการพิจารณาแต่ละพื้นที่ อย่างไรก็ดีควรติดตามข่าวสารจากสำนักงานสาธารณสุขของจังหวัดกันนะคะ เราจะผ่านสถานการณ์เลวร้ายแบบนี้ไปด้วยกัน เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ

Contact button