ความอยู่รอดท่ามกลางกระแสที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและแรงแบบนี้ ถือเป็นความท้าทายในยุคดิจิตอลที่ทุกองค์กรต่างปรับตัวกันครั้งใหญ่ ไหนจะปัญหาโรคภัยโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาด ฆ่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปแล้วศพแล้วศพเล่า หลายห้างร้าน หลายองค์กร ต่างต้องปรับตัว เพื่อความอยู่รอด ความรู้หรือทักษะเก่าๆ ในวันโน้น หากไม่ลับ ปรับให้คมในวันนี้อาจทำให้ “ชีวิตร่วง” ถึงขีดต่ำได้

คำถามที่ตามมา “เรายังมีความจำเป็นในองค์กรอยู่อีกไหม”??

ความเก่งความเก๋าเกมส์ในอดีต หากไม่อัพเกรดยกระดับทักษะความสามารถเก่าๆ อาจนำมาใช้ในยุคปัจจุบันไม่ได้อีกแล้ว จึงจำเป็นต้องพัฒนาทักษะ ปรับปรุง โดยเฉพาะ ทักษะพื้นฐานในการทำงาน (Hard Skill) และทักษะที่ช่วยให้การทำงานไหลลื่นขึ้น (Soft Skill) ให้แหลมคมขึ้น โดยเฉพาะความคิดสร้างสรรค์ (Creative) เพื่อจะสร้างสิ่งใหม่ให้ต่างและโดน!! มากกว่าเดิม รวมถึงทักษะการพูดและการโน้มน้าวใจ (Persuasive – Negotiate) ที่จะทำอย่างไรให้ลูกค้าจงรักภักดีกับเรา ใช้สินค้าของเราอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการทำงานเป็นทีม (Team Leading and Following) ทั้งในฐานะผู้นำและผู้ตามได้ในเวลาเดียวกัน รวมถึงความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมตลอดเวลา (Adaptive) และการจัดการเวลา (Time Management) สิ่งเหล่านี้ถือเป็น Soft Skill ที่ต้องพัฒนาอัพเดทอย่างต่อเนื่อง

ตลอดจนการวิเคราะห์ Big Data ยุคที่ข้อมูลข่าวสารเป็นจำนวนมาก หลายองค์กรที่มีระบบที่ดี สามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของตัวเองได้ สิ่งสำคัญที่จะทำให้อยู่รอดในยุคนี้ คือ การ “เรียนรู้ตลอดเวลา” และเติบโตไปพร้อมกับบริษัท ด้วยการหาสกิลของตัวเอง หาเครื่องมือใหม่ๆ เพื่อพัฒนาไปสู่เป้าหมาย

นอกจากนี้ต้องหยุดคำว่า “ไม่รู้ ไม่ได้ ไม่เป็น” เพราะจะทำให้เราหยุดพัฒนา เพราะศักยภาพของคนเรานั้น สามารถพัฒนาได้ และองค์กรสามารถ Reskilling ด้วยการหาคนทำงานใหม่ๆ ที่ใกล้เคียงกับทักษะใหม่ๆ ขององค์กรมาพัฒนาเรียนรู้ได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญ คือ การ “ปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลง” และเพิ่มทักษะ ซึ่งอาจไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นทางรอดสำหรับองค์กรในยุคนี้ นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้นองค์กรให้ลุกกลับมามีไฟอีกครั้ง ด้วยการมอบหมายงาน 70% เพื่อให้เกิดความท้าทาย และ 20% มาจากความสัมพันธ์ที่พัฒนาขึ้น อีก 10% เช่น เยี่ยมชมดูงาน ขอคำแนะนำเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน จัดหลักสูตรอบรมต่างๆ ที่มาจากการเรียนรู้ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะอบรม อ่าน ค้นคว้า ลงมือทำเพื่อพัฒนาศักยภาพให้ดีขึ้น

อีกเรื่องที่สำคัญ คือ การเรียนรู้พัฒนา Mindset ปรับแนวคิด เพื่อบรรลุตามเป้าหมาย ทั้งวิธีการ วิธีคิดเพื่อไปในทิศทางเดียวกันของทีมในองค์กรจะทำให้เป้าหมายขององค์กรสำเร็จเร็วขึ้น โดยระหว่างการเรียนรู้ หรือพัฒนาทักษะต่างๆ นั้น ควรมีมาตรวัดผลให้กับทีมงานด้วย เพื่อประเมินและเป็นทิศทางการเรียนรู้ที่ชัดเจน ระหว่างเรียนรู้หากส่วนไหนขาดตกบกพร่องจะได้หาจุดบอด ปรับปรุงแก้ไขในจุดนั้นๆ ให้ดีขึ้นได้ จะทำให้ประสบความสำเร็จในทักษะนั้นๆ ได้เร็วขึ้น แต่ทั้งนี้ความสำเร็จของการเพิ่มทักษะจะไม่ถูกพัฒนาได้เลย หากทีมงานไม่ได้ให้ความสำคัญ เรื่องการเพิ่มทักษะ ไม่จัดการตัวเอง เพราะหากตั้งใจให้ความสำคัญกับการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นแล้ว จะรู้ได้ว่า จุดอ่อนจุดแข็งของตัวเองคืออะไร จะมีวิธีการอย่างไรให้ถึงเป้าหมาย วิธีการพัฒนามีอะไรบ้าง ซึ่งแนวทางการพัฒนาเรียนรู้ของแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป แต่ถ้ามีเป้าหมายหลักเดียวกัน ด้วยการทำงานหรือทำเป้าหมายขององค์กรให้ประสบความสำเร็จด้วยการพัฒนาทักษะนั้นๆ เอามาช่วยเสริมกำลังทีมงานให้แกร่งขึ้นผนึกกำลังกันด้วยการดึงศักยภาพเด่นของแต่ละคนออกมาช่วยกันพิชิตเป้าหมาย หากองค์กรไหน เพิ่มแรงกระเพื่อมให้ทีมงานสนใจพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้งได้ นี่น่าจะเป็นทางรอดในยุคที่เปลี่ยนแปลงเกินกว่าจะคาดเดานี้ได้อย่างแน่นอน