พ.ร.บ คุ้มครองแรงงาน ฉบับใหม่ 2562
เว็บไซต์ราชกิจจานุกเบกษา อัพเดท พ.ร.บ คุ้มครองแรงงาน เพิ่มสิทธิประโยชน์ และสวัสดิการให้แก่ลูกจ้าง ตามาตรฐานสากล เพื่อยกระดับการคุ้มครองลูกจ้าง และสวัสดิการต่างๆ ให้ครอบคลุมขึ้น โดยมีผลบังคับใช้ เมื่อ วันที่ 5 พฤษภาคม 2562 สำหรับสาระสำคัญมีดังนี้
1. กรณีนายจ้างไม่คืนเงินหลักประกัน
ไม่จ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา หรือค่าทำงานในวันหยุด ไม่มีเงินชดเชย เงินพิเศาแทน นายจ้างต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่ลูกจ้าง ในระหว่างเวลาที่ผิดนัด เป็น 15% ต่อปี จากเดิมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปีเท่านั้น ลูกจ้างสามารถฟ้องได้
2. กรณี เปลี่ยนแปลงตัวนายจ้าง
หากนายจ้าง โอน เปลี่ยนแปลงลูกจ้างคนหนึ่งคนใด ไปเป็นลูกจ้างของนายจ้างใหม่ ต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้างคนนั้นด้วย และให้สิทธิต่างๆ ที่ลูกจ้างมีอยู่ต่อนาย้างคนเดิม มีสิทธิต่อไป ถ้าลูกจ้างและนายจ้างใหม่ยินยอม ต้องรับไปทั้งสิทธิ และหน้าที่ ที่ลูกจ้างเดิมเคยได้รับ
3. กรณี นายจ้างบอกเลิกสัญญา
โดยไม่จ้างล่วงหน้าให้ลูกจ้างทราบ นายจ้างต้องจ่ายเงินให้ลูกจ้าง ที่ลูกจ้างควรได้รับ นับตั้งแต่ ลูกจ้างออกจากงาน จนถึงวันเลิกสัญญาจ้างมีผล
4. ลูกจ้างมีสิทธิลาทำธุระที่จำเป็น
อย่างน้อยปีละ 3 วัน และต้องจ่ายค่าจ้างในวันลาที่ทำธุระ เท่ากับวันทำงานปกติ
5. ลูกจ้างหญิงที่ตั้งครรภ์
มีสิทธิลาคลอด ไม่เกิน 98 วัน รวมถึงวันลาเพื่อตรวจครรภ์ ต้องจ่ายค่าจ้าง เท่ากับวันทำงานปกติ
6. นายจ้างต้องจ่ายจ้าง ล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด
ตามพระราชบัญญิที่กำหนดไว้ โดยจ่ายให้เท่ากันทั้งชายและหญิง ในกรณีที่มีการคำนวณ ค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา คิดเป็นรายเดือน รายวัน รายชั่วโมง หรือตามผลงานคำนวณเป็นหน่วย จ่ายไม่น้อยกว่า 1 ครั้งต่อเดือน เว้นแต่มีการตกลงกัน ส่วนกรณีที่นายจ้างเลิกจ้าง ให้นายจ้าง จ่ายค่าล่วงหน้า ค่าทำงานในวันหยุด ภายใน 3 วันนับตั้งแต่มีการเลิกจ้าง
7. กรณีที่นายจ้าง มีความจำเป็น ต้องหยุดกิจการ ทั้งหมดหรือบางส่วน เป็นการชั่วคราว
ให้นายจ้างจ่ายเงินให้ลูกจ้าง ไม่น้อยกว่า 75% ของค่าจ้าง ในวันที่ลูกจ้างทำงาน ที่ได้รับ ก่อนปิดกิจการ
8. กรณีที่มีการเลิกจ้าง
นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างชดเชย กรณีพิเศษ ไม่ต่ำกว่า ค่าจ้างอัตราสุดท้าย
9. กรณีนายจ้างย้ายสถานที่ประกอบการ
ต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้า ไม่น้อยกว่า 30 วันก่อนย้าย หากไม่มีการแจ้งให้ลูกจ้างทราบ นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชย ลูกจ้างที่ไม่ประสงค์ทำงาน สถานที่ใหม่ ให้เท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน และลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชย ไม่น้อยกว่าอัตราค่าชดเชยที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับ
10. นายจ้างกำหนดเวลาเริ่มต้น และสิ้นสุดในแต่ละวัน ทำงานไม่เกิน 8 ชั่วโมง
หากเวลาทำงานวันใดน้อยกว่า 8 ชั่วโมง สามารถนำเวลาที่เหลือไปรวมกับเวลาทำงานในวันทำงานปกติอื่นได้ แต่ต้องไม่เกินวันละ 9 ชั่วโมง และ 1 สัปดาห์ต้องไม่เกิน 48 ชั่วโมง หากนายจ้างไม่ปฏิบัติตามจะต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาทและนี่คือพระราชบัญญัติฉบับล่าสุด เพื่อคุ้มครองแรงงาน ที่ปรับปรุงเพื่อลูกจ้าง และให้เป็นมาตรฐานสากุล มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2562