หลายต่อหลายครั้งที่องค์กรส่วนใหญ่ พยายามสรรหาวิธีการสร้างแรงจูงใจให้ทีมงาน ไม่ว่าจะเป็นจัดอบรม เสริมสวัสดิการ เพื่อสร้างบุคคลกรในองค์กรให้แข็งแกร่งและเป็นไปในทิศทางกัน แต่แล้วก็ไม่เป็นไปตามหวัง และกว่าจะทราบปัญหาที่แท้จริง บ่อยครั้งที่รอให้พนักงานลาออก ถึงค่อยรู้ในตอนกำลังสัมภาษณ์การลาออก ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ที่มักพบเลย เมื่อลิชออกมาแล้วมีดังนี้

1. ขาดประสิทธิภาพและคุณภาพทางการผลิต

โดยเฉพาะสายงานผลิตที่ผ่านระบบ 5 ส Haccp หรือ ISO 9001คงพอจะเข้าใจดีกว่า เพียงแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นฝาครอบหลอดไฟหลุดหลวมเพียงแค่นี้ หรือใช้ผิดวัสดุ จะกลายเป็นตัวเรียกแมลง แตกแล้วเข้ามาปนเปื้อนกับสินค้าได้ทันที จึงเป็นเหตุต้องรอบครอบ ระบบพื้นอีพ็อกซีต้องมี เพื่อทำให้กำแพงไม่มีรูหรือจุดสะสม ไม่ให้แมลงหรือฝุ่นเข้าไปได้ เพียงแค่จุดเล็กๆ ของฝ่ายผลิตนี้ ก็มีผลกับยอดขายของผลิตภัณฑ์แล้ว

 2. ขาดสภาพคล่องกระแสเงินสด

โดยเฉพาะธุรกิจเปิดใหม่ หรือ SME สายป่านต้องยาวพอตัว ควรมีเงินสดไว้หมด ไม่ใช่แบบขายดีมากแต่เงินสดในบัญชีแทบไม่มี ยิ่งลูกค้ามากยิ่งต้องลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องใช้เครดิตเก็บเงินสดได้ช้า แต่เวลาลงทุนต้องใช้เงินสด ยิ่งลงทุนยิ่งต้องใช้เงินสดเพิ่ม กลายเป็นว่ากว่าจะสิ้นเดือนหมุนเงินไม่ทัน ไม่มีเงินจ่ายลูกน้อง ค่าเช่า ดอกเบี้ย กลายเป็นดินพอกหางหมู เพราะขาดสภาพคล่อง ดังนั้นทางที่ดี ควรทำบัญชีรายรับรายจ่ายไว้ เพื่อที่จะได้รู้ว่าได้กำไรหรือขาดทุน และหากจะให้ดีทันยุคทันสมัย ควรใช้ซอฟแวร์เข้ามาช่วยระบบฐานข้อมูล เพื่อสามารถเรียกดึงมาใช้ได้ง่าย ไม่ว่าปีนี้หรือปีไหน ๆ สามารถนำมาเทียบเคียง รายปี รายเดือนได้เลย

3. ทุจริตในองค์กร

 เพราะคนมีหลายสปีชีส์ร้อยพ่อพันธุ์แม่ การสัมภาษณ์แค่เบื้องต้น ไม่อาจล่วงรู้จิตใจของใครอย่างแท้จริงได้ หลายครั้งที่ความละโมบโลภมากทำให้ยอดตก โดยเฉพาะ Sales เอาเงินไปหมุนหนีหายบ้าง รับสินบนบ้าง ทางที่ดี ควรป้องกันปัญหาการทุจริต อย่าให้เป็น “นิสัยขององค์กร” อาจเป็นช่องโหว่ให้คู่แข่งตีตื้นได้ เรื่องเล็กๆ อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ ควรสร้างระบบ ตรวจสอบให้รัดกุมหรือมีมาตรการควบคุมเพื่อไม่ให้เกิดรอยรั่วขององค์กรในเรื่องนี้

4. แรงเฉื่อยในองค์กร

การที่องค์กรเฉื่อยชา ขาดความกระตือรือร้น ไร้พลังกำลังส่งสัญญาณเตือนในทิศทางไม่ดีแล้ว ควรรีบออกแรงต้านกับแรงเฉื่อย ให้เหมือนกับโลกของฟิสิกส์เลย “ความเฉื่อย” เป็นการที่สสารต่อต้านสถานะเดิมของมัน ถ้าอยากจะเปลี่ยนต้องออกแรงต้านแรงเฉื่อย ไม่เช่นนั้นจะตกอยู่ในสภาพอยู่แบบนั้น คนเราก็เหมือนกัน ผู้นำควรเพิ่มแรงผลักดัน ให้มีแรงต่อ เพื่อพิชิตเป้าหมายให้ได้ หาแรงจูงใจ เข้าไปพูดคุยถึงปัญหา ร่วมหาวิธีแก้ กำลังใจสำคัญไม่แพ้กับกำลังแรงเลย ยิ่งเสริมยิ่งแกร่ง ยิ่งให้ยิ่งเพิ่ม

และทั้งหมดนี้เป็นเพียงปัญหาเสี้ยวหนึ่งที่องค์กรต่างมักเจอ ควรเข้ามาแก้ไข ตรวจสอบ ดูแลให้ทัน อยากปล่อยให้ปมเล็กๆ กลายเป็นปมใหญ่ๆ จนเกินจะแก้ไขนะคะ