การอยู่ร่วมกันกับคนที่มีความคิดต่าง
ในโลกกลมๆ ใบนี้ เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตโดยเฉพาะมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความต่าง ทั้งด้านทัศนคติ เชื้อชาติ ศาสนา วัย เพศ อายุ สิ่งเหล่านี้เป็นตัวผันแปร ทำให้คนเรามีความแตกต่างกัน แน่นอนว่า เราไม่สามารถเข้าใจกันได้ทั้งหมดหรอก แต่เราสามารถเปลี่ยนให้มันกลายเป็นหนทางที่ดีขึ้น และอยู่ร่วมกันได้อย่างไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน
เพราะในความจริงแล้ว เราไม่สามารถมองเห็นทุกเรื่องไปในทิศทางเดียวกันได้หมด แม้แต่เรื่องง่ายๆ แค่การกินอาหารสักมื้อหนึ่ง ยังโต้เถียงประเด็นกันเลย การแสดงออกทางความเห็นล้วนมีความขัดแย้งกันเสมอ เหตุเพราะเราต่างมีความคิดและความเชื่อที่แตกต่างกัน และเรามักเชื่อมั่นในความคิดหลักของเราเสมอ โดยเฉพาะในวันที่โลกหมุนเร็วแบบนี้ การรับข่าวสาร ทัศนคติ หลากหลายเรื่องราวต่อวันด้วยความเร็ว จึงเกิดความบกพร่องในเรื่องกลั่นกรองข้อมูล ขาดการวิเคราะห์อย่างรอบด้าน สร้างอคติในความคิดของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว
พฤติกรรมนี้เรียกว่า Confirmation Bias เป็นพฤติกรรมที่มักจะหาข้อมูลมาสนับสนุนความคิดของตัวเองเพียงอย่างเดียว และจะหาข้อมูลต่างๆ โดยการเลือกที่จะรับข้อมูลนั้นเพียงเพื่อสนับสนุนความคิดตัวเองเท่านั้น และปัญหาเหล่านี้จึงทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้น เราจึงต้องหาความสมดุลทางความคิด
การหาความสมดุลทางความคิด เริ่มง่ายๆ ด้วยการเปิดใจรับฟังทุกๆ คน แม้จะมองเห็นต่าง และที่สำคัญต้องลดการใช้อารมณ์เข้ามาผสมการโต้เถียง เพราะความแตกต่างที่เกิดขึ้นนี้ มันจะทำให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นมา ฉะนั้น ลองมองหาข้อดีของความแตกต่างนั้นให้เจอ ลองเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ เช่น ในครอบครัว ในที่ทำงาน ในกลุ่มเพื่อน หากเราเริ่มต้นได้ในสังคมเล็กๆ ที่เกิดขึ้นนี้ แน่นอนว่า มันจะพัฒนาและต่อยอดความคิดไปสู่วงกว้างได้
ลองฝึกพัฒนาทางด้าน Empathy Skill หรือทักษะในการทำความเข้าใจความรู้สึกคนอื่นให้มากขึ้น “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” หมายถึง จะทำอะไรต้องคำนึงถึงความรู้สึกของคนอื่นก่อน สร้างวัฒนธรรมความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ลดความหวาดระแวง โดยเฉพาะในที่ทำงาน เราสามารถเริ่มต้นด้วยการสร้าง Trust ง่ายๆ ได้ดังนี้
1. ลดความผิดพลาด ลดความหวาดระแวง เกิดความไว้ใจ
2. สื่อสารตรงไปตรงมา เปิดใจรับฟังซึ่งกันและกัน
3. เป้าหมายเดียวกัน รับผิดชอบร่วมกัน เกิด Empathy
สำหรับหัวหน้างานหรือผู้นำนั้น การนำทีมได้ต้องสร้างความเชื่อใจให้เกิดขึ้น เพื่อให้ลูกน้องกล้าและเต็มที่ในการทำงานยิ่งขึ้น ลองสังเกตทีมงานดูว่า มีแรงกดดันหรือความเครียดจุดไหนที่นำไปสู่การลาออกหรือไม่ ทำความเข้าใจกับปัญหาของงานรวมไปถึงลองจับคู่งานให้เหมาะสมกับคน เพื่อลดความบกพร่องในงาน ให้ความสำคัญกับการสื่อสารที่เปิดกว้างขึ้น ให้การยื่นมือช่วยเหลือเรื่องส่วนตัวเมื่อจำเป็น ก็จะทำให้ทีมงานรู้สึกสบายใจในที่ทำงานมากขึ้น
ส่วนพนักงานในทีม ต้องตั้งใจฟังและเปิดใจรับฟังเพื่อนร่วมงาน ไม่คิดไปเอง อย่าตัดสินใครโดยไม่ได้รับฟังความคิดเห็นของเขาคนนั้น พยายามเปิดใจรับฟังซึ่งกันและกัน จะลดความขัดแย้งลงได้ ดังนั้น การอยู่ร่วมกันของคนที่มีความคิดต่างนั้น สามารถอยู่ร่วมกันได้ เพียงแต่ต้องเปิดใจอย่างไร้อคติ ดูถึงเหตุถึงผลของปัญหานั้นๆ เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดก็จะทำให้เราอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติแล้วค่ะ